วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

บทสัมภาษณ์

สัมภาษณ์



จากที่ สัมภาษณ์ มาส่วนใหญ่แล้ว นักศึกษาจะสนใจยุค 90's สะส่วนใหญ่เพราะยุคนี้เป็นยุคที่เน้นความบ้าคลั่งและปลุกใจ ซึ่งเข้ากับวัยรุ่นเป็นอย่างมาก หรืออีกนัยเนื่อง เด็กวัยรุ่นอาจเกิดทัน ยุค 90's เช่น NIRVANA,  RADIOHEAND ตัวอย่างเช่นเพลง Nirvana - Smell like teen spirit และ creep - radio heandเป็นต้น ส่วน ผู้ใหญ่ หรือ อาจาร์ยจะ ชอบ ยุค 80'sและ 70's ด้วยเ้พลงที่ เพาะ ไม่หนักหูจนเกินไป และ มีความหมายดีเหมาะกับการขับรถ คนอายุ35-50 ชอบฟังเพลงยุคนี้ นั้นคือวง Scorpion , Queen  ตัวอย่างเช่นเพลง Wind of change - Scorpion, We will Rock you - Queen  เป็นต้น ซึ่งการสัมภาษณ์ นี้ อ้างอิงมาจากเรื่องจริง ซึ่งผมสัมภาษณ์เอง  






ขอบคุณ นักศึกษา คณะโฆษณา และ อาจาร์ย เสือ,อาจาร์ย วี ที่ให้ความ กรุณาในการ สัมภาษณ์


วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

ทรรศนะคติ ของผมเอง

ทรรศนะคติ



ยุค   50's  ปีนี้เป็นยุค บุกเบิก ของดนตรี Rock 'n Roll แนวดนตรีจะออก โยกๆ เพราะ ปี 50นี้ คนนิยมนำเพลงนี้มาเต้นรำ ตัวอย่างเช่น หนังเรื่อง 2499 


ยุค  60's ปีนี้ เป็นปีในตำนาน เพราะวง จากเมืองผู้ดี อย่าง The Beatles มาเขย่าโลกให้สั้นคล่อน ปีนี้จึงเป็นยุครุ่งเรืองของ ดนตรี ร็อคแอนโรล โดยแท้


ยุค  70's ปีนี้ เป็นยุคของ ฮาดร็อคซึ่งจะเน้น ดนตรี หนักแน่น และพลังเสียงของนักร้อง ปีนี้จึงเป็นปีที่ หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น วง sex pistrol ที่ ประกาศตัวเองว่าจะมา คว่ำแนว ฮาดร็อค แต่ที พูดถึงยุค 70's แล้วคงหนีไม่พ้นวง Queen ที่ถือเป็นราชีนี ของ ยุค นั้น ส่วน ราชาละก็คงหนีไม่พ้น วง The Engles


ยุค  80's ปีนี้เป็นปีของเฮฟวี่ ซึ่งจะเน้น เสียงกีต้าโซโล้อันไพเราะ และ พลังเสียงของนักร้อง ซึ่งวงที่ เน้นลายกีต้่าและ พลังเสียงอันทรงพลังของนักร้อง คือ Gun n Roes  ac/dc และอีกมากมาย แต่ถ้าวง ที่ถือว่าเป็นราชาของยุค 80's คือวง Scorpions นั้นเอง


ยุค  90's ยุคนี้คือยุค ของเพลง ALTERNATIVE ROCK หรือก็คือ เพลงที่สะท้อนถึงความโหดร้ายของสังคม และการปลดปล่อยตัวเองด้วยความบ้าคลั่งออกมา ส่วนใหญ่แล้วปีนี้จะเน้น การแสดงเวที โดยวงที่ทำให้แนว ALYERNATIVE ROCK บูมขึ้นมาก็คือวง NIRVANA  RADIOHARED PINKFLOYD

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

Hugo

ในประเทศไทยยังมีนักดนตรีที่ใช้แนวดนตรี Rock 'n roll มาประยุคให้กับ สมัย นั้นก็คือ HUGO



Hugo


จุลจักร จักรพงษ์ (Chulachak Chakrabongse) มีชื่อเล่นว่า "เล็ก" แต่นิยมเรียกกันว่า ฮิวโก้ (Hugo Chula Alexander) เป็นบุตรชายคนโตของหม่อมราชวงศ์หญิงนริศรา จักรพงษ์ กับ แอลเลน เลวี่ เป็นหลานตาของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ พระโอรสในจอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
ฮิวโก้ได้มีโอกาสมาเป็นนายแบบโฆษณาชิ้นแรกในนมเปรี้ยวดัชมิลล์ ก็เพราะเจ้าตัวกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงปิดเทอมตอนเรียนที่อังกฤษ จึงรับงานโฆษณาชิ้นนี้ ผลงาน ผลงานละครมีเรื่อง ลูกผู้ชายหัวใจเพชร,คุณแจ๋วกระเพราไก่,บ้านรังนกไม้,มิติใหม่หัวใจเดิม,ใกล้ไกลหัวใจเดียวกัน,เงาปริศนา ในปี พ.ศ. 2545แสดงภาพยนตร์เรื่อง 999-9999 ต่อ - ติด - ตาย ต่อจากนั้นได้เล่นดนตรีในชื่อวง "สิบล้อ" มีผลงาน 4 ชุด
         ผลงาน นอกจากนี้ทางด้านผลงานการแต่งเพลง ฮิวโก้ ยังมีเครดิตในการแต่งเพลงของนักร้องสาวชาวอเมริกัน บียอนเซ่ ให้กับเพลง "Disappear" ในอัลบั้มไอแอม... ซาชาเฟียร์ส  ซึ่งแต่งร่วมกับ อะแมนด้า โกสต์ นักแต่งเพลงชาวอังกฤษ โดยตอนแรกตั้งใจที่จะใส่ไว้ในอัลบั้มของฮิวโก้เอง แต่หลังจากที่บียอนเซ่ ได้มีโอกาสฟัง เธอก็ประทับใจเพลงนี้มาก จนขอเพลงนี้ไปใส่ในอัลบั้มของเธอในที่สุด โดยเธอได้ขอปรับเนื้อเพลงแค่ไม่กี่คำเพื่อให้เข้ากับบุคลิกของเธอมากขึ้น
ฮิวโก้ก้าวสู่ฐานะนักร้องเดี่ยวและกำลังเข้าสังกัด Roc Nation ในนิวยอร์ก และทำเพลงอยู่และจะออกขายปลายปี พ.ศ. 2552 ต่อมาในต้นปี พ.ศ. 2553 ฮิวโก้ได้ปล่อยซิงเกิ้ลที่ชื่อว่า Bread & Butter โดยใช้เป็นเพลงประกอบโฆษณาของแบรนด์ Victoria Secret สังกัด Roc Nation ของ Jay-Z และจัดจำหน่ายในประเทศไทยโดย Sony Music Entertainment

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

90’s NIRVANA NEVER DIE




90’s NIRVANA NEVER DIE 

ผ่านพ้นช่วงยุค 80 ก้าวเข้าสู่ยุคของอินดี้ เพลงร็อกที่เรียบง่าย ซึ่งซาวนด์ในยุค 90 ค่อนข้างดิบ และปราศจากการปรุงแต่ง หรือไม่ได้โชว์ทักษะด้านดนตรีมากมายอย่างยุคเก่าก่อน ซึ่งในส่วนของขั้นตอนของการทำเพลงมักมุ่งเน้นที่ระบบแบบ DIY เป็นหลัก และมีพื้นฐานมาจากพังก์ร็อก พร้อมทั้งปิดตายกีตาร์ฮีโร่ให้เหลือเพียงตำนานเท่านั้น

GRUNGEROCK 
หนึ่งในสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ของดนตรีร็อกในช่วงยุค 90 ไม่มีใครสามารถลืมเลือนความดิบของเสียงริฟฟ์กีตาร์ แต่สอดแทรกด้วยเมโลดี้ติดหูของ กรันจ์ร็อก ที่ได้รับอิทธิพลมาจากเฮฟวี่เมทั่ลและพังก์ร็อก ในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยเฉพาะไลน์กีตาร์ที่สั่งตรงมาจากเฮฟวี่เมทั่ลในช่วงยุคต้น 70 แต่ด้านเนื้อเพลงกลับได้รับอิทธิพลของพังก์ร็อกมาอย่างเต็มที่ ด้วยถ้อยคำเสียดสีสังคม รวมไปถึงความคิดที่เป็นอิสระที่ได้รับมาจากช่วงยุคต้น 80 ของอเมริกัน ฮาร์ดคอร์ โดยวงร็อกในยุคแรกที่เผยแพร่ลัทธิกรันจ์ร็อกให้ระบาดไปทั่วโลก ต้องยกให้ GREEN RIVER, MUDHONEY และ SOUNDGARDEN ซึ่งหนักหน่วงกว่ากรันจ์ร็อกในยุคต่อมา อย่าง NIRVANA ซึ่งความแตกต่างที่สังเกตได้อย่างชัดเจน คือเพลงของ NIRVANA มีความชัดเจนในเรื่องของเมโลดี้ที่ติดหูมากกว่า และต้องยอมรับว่าเพลงพวกเขาเป็นฟันเฟืองตัวสำคัญที่ทำให้กรันจ์ร็อกกลายเป็นอีกหนึ่งสไตล์ร็อกที่มาคู่กับยุค 90 เลยทีเดียว


ALTERNATIVE POP/ROCK 
อีกหนึ่งรากดนตรีที่แตกยอดออกมาจากพังก์ร็อก ต้องยกให้ อัลเทอร์เนทีฟร็อก มีที่มาจากดนตรีในรูปแบบของโพสต์พังก์ในช่วงกลางยุค 80 จนถึงกลางยุค 90 เลยทีเดียว อัลเทอร์เนทีฟร็อกคืออีกหนึ่งทางเลือกของนักดนตรีที่ต้องการแยกตัวเองออกมากระแสเมนสตรีม เพื่อปลดปล่อยพลังของตัวเองแบบไร้ขีดจำกัด อย่างไรก็ตาม เราสามารถแบ่งร็อกในสไตล์อัลเทอร์เนทีฟออกมาเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกต้องยกให้วงร็อกในช่วงกลางยุค 80 ที่เลือกส่งตัวเองเข้ามาอยู่ในสังกัดเล็กๆ เพื่อที่จะโชว์ผลงานเพลงของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อหลีกเลี่ยงกลไกทางธุรกิจที่เข้ามาบิดเบือนงานเพลงของพวกเขาจนไร้เสน่ห์จนเกินไป โดยงานเพลงในช่วงนี้เป็นส่วนผสมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของ โพสต์ ฮาร์ดคอร์ พังก์ร็อก ฟังก์และ เมทั่ล พังก์ รวมไปถึง ป็อบและงานทดลองในรูปแบบต่างๆ กลับอีกกลุ่มแบ่งแยกจากความสำเร็จของ NIRVANA ที่ประสบความสำเร็จถึงขีดสุดในปี 1991 ที่ก้าวเข้าสู่ค่ายใหญ่มากยิ่งขึ้น และขับเน้นให้อัลเทเนทีฟกลายเป็นเพลงในรูปแบบเชิงพาณิชย์มากกว่าเก่า แต่บางส่วนได้ผันตัวเองเข้าสู่วงจรของอินดี้ร็อกมากขึ้น







อ้างอิงจาก http://forums2.popcornfor2.com/index.php?showtopic=1131



80’S : เฮฟวี, อินดี และกีตาร์

ทศวรรษที่ 80 นี้ได้ชื่อว่าเป็นยุคที่ดนตรีมีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพ ทั้งรูปแบบของผลงานศิลปะและธุรกิจ

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเทคโนโลยีในการบันทึกเสียง ตลอดจนเครื่องดนตรีที่พัฒนาจากยุคอนาล็อกมาสู่ยุคดิจิตอลทีละน้อย ส่งผลให้เพลงร็อกนับวันจะมีความหนักหน่วงมากขึ้นตามลำดับ เมื่อบวกกับกีตาร์ลีลาใหญ่ของ Van Halen วงดนตรีขาก LA ยิ่งทำให้ร็อกก้าวไกลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

กระแสในยุคนี้ ทำให้วงการเมทัลไม่ได้จำกัดตัวอยู่แต่แอล.เออีกต่อไป เยอรมนี Scorpion สวีเดนมี Europe แต่ที่โดดเด่นเกินกว่าใครก็คือที่นิวเจอร์ซีย์ ที่ๆ จอน บอง โจวี และริทชี่ แซมโบรา ได้ตั้งวงร็อกสุดดัง Bon Jovi ขึ้น ด้วยภาพลักษณ์อันโดดเด่นประกอบกับการแสดงที่เร้าใจ ทำให้มันกลายเป็นวงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ด้วยยอดขายกว่า 110 ก็อบปี้ทั่วโลก

ร็อกในยุค 80 เครื่องดนตรีที่ถือเป็นพระเอกอย่างชัดเจนไม่พ้นกีตาร์ไฟฟ้า เพราะเป็นยุคที่มีมือกีตาร์ร็อกหลากหลายแนวแจ้งเกิดกันอย่างมากมาย ในส่วนของศิลปินร็อกที่อยู่บนกระแสของยุค 80 ที่น่าสนใจมีมากมายทั้ง Police, The Jam, Dire Straits พรินซ์, โจน เจ็ตต์, บิลลี ไอดอล รวมทั้งยังเป็นยุคที่ศิลปินจากวงร็อกจากยุค 70 มาออกงานเดี่ยวกันมากมายเลยทีเดียว

วงร็อกที่ยิ่งใหญ่ยุค 80 ได้แก่วง R.E.M. ขวัญใจแฟนร็อกปัญญาชนของอเมริกา และ U2 วงร็อก 4 ชิ้นที่นำโดยโบโนนักร้องมาดกวีนักเคลื่อนไหวของวง ที่ปรับเปลี่ยนจากวงโพสต์พังก์อันเกรี้ยวกราดในยุคแรก มาสู่วงร็อกที่สุขุมและเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ จนเป็นที่รักของแฟนเพลงทุกมุมโลกตราบจนปัจจุบันนี้

วงร็อกอีก 2 วงจากแมนเชสเตอร์อย่าง The Smiths และ Stone Roses มีส่วนอย่างมากในการสร้างอิทธิพลดนตรีร็อกในยุค 80 ของอังกฤษ ที่สื่อต่างลงความเห็นว่าเป็น 2 วงที่ดีที่สุดในยุคของตัวเองด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งอิทธิพลของพวกเขาได้กลายเป็นต้นแบบให้กับการกำเนิดของบริต ป็อป อันเป็นปรากฏการณ์ที่สื่อขนานนามให้เป็น Second Invasion ของวงการเพลงร็อกอังกฤษ อันเป็นการย้อนรอยสิ่งที่ The Beatles เคยสร้างเอาไว้นั่นเอง

70’S : ฮาร์ดร็อก, โปรเกรสซีฟ และพังก์



                                                     Queen


70’S : ฮาร์ดร็อก, โปรเกรสซีฟ และพังก์


3 วงดนตรีที่มีส่วนในการปูทางของดนตรีร็อกในยุคนี้คงหนีไม่พ้น Led Zeppelin, Deep Purple และ Black Sabbath

วงร็อกอีกมากมายอันเป็นหน้าตาของยุค 70 อาทิ Chicago, Aerosmith, Uriah Heep, UFO, Kiss, AC/DC, ZZ Top, Grand Funk Railroad, Lynyrd Skynyrd, Fleetwood Mac, Journey, Foreigner, Styx, Roxy Music หรือศิลปินเดี่ยวอย่าง เดวิด โบวี, เอลตัน จอห์น, บิลลี โจล และบรูซ สปริงสทีน

ในบรรดาชื่อที่กล่าวมา หากนับว่า “พญาอินทรี” The Eagles คือสุดยอดวงร็อกยุค 70 ของฝั่งอเมริกา “ราชาในนามราชินี” อย่าง Queen ก็คงจะครองตำแหน่งนี้ในฝั่งอังกฤษอย่างไม่ต้องสงสัย

ในปี 1969 เกิดสิ่งใหม่ที่เรียกว่า โปรเกรสซีฟร็อก ในอัลบั้ม in the Court of the Crimson King ผลงานชุดแรกของ King Crimson อัลบั้มนี้ถูกยกให้เป็นอัลบั้มโปรเกรสซีฟ ร็อกชุดแรกของวงการ

ดนตรีที่ได้ชื่อว่าสังหารวงการเพลงร็อกคือ พังก์ ที่เกิดขึ้นมาในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 เพื่อต่อต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่คนเคยนิยามไว้กับเพลงร็อก ทั้งการปฏิเสธสันติภาพ การเล่นดนตรีอย่างง่ายๆ ด้วยคอร์ดไม่กี่คอร์ด ซึ่งจบลงในเวลาไม่กี่นาที สิ่งเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ในความเป็นร็อกก็คือ การบรรเลงอย่างเมามันและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ

สถานที่ในการให้กำเนิดพังก์นั้นเริ่มที่นิวยอร์ก โดยมีวงอย่าง New York Dolls, Ramones, Television, และ Blondie เป็นหัวหอก ก่อนที่จะระบาดไปยังลอนดอนเมื่อมีวงอย่าง The Damned และ The Clash เกิดขึ้นมา แต่ผู้ที่เป็นฮีโร่ตัวจริงที่ทำให้พังก์กลายเป็นกระแสของโลกได้แก่ Sex Pistols ที่ประกาศตนอย่างภาคภูมิว่าเป็นผู้ล้างบางฮาร์ดร็อกและโปรเกรสซีฟ ร็อกด้วยผลงานอัลบั้มเพียงแค่ชุดเดียวของวงเท่านั้น

นอกจากส่วนของงานดนตรีแล้ว พังก์ยังเป็นตัวขับดันในเรื่องของแฟชั่นในยุคนั้นอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะมีอายุที่สั้น แต่อิทธิพลของมันยังส่งผลต่อวงการเพลงร็อคของโลกในอีก 20 ปีต่อมาอย่างแพร่หลาย

สมาชิกวง THE BEATLES

 จอห์น วินสตัน โอโนะ เลนนอน (อังกฤษ: John Winston Ono Lennon) (9 ตุลาคม พ.ศ. 2483-8 ธันวาคม พ.ศ. 2523) เป็นทั้งนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวอังกฤษ รู้จักกันดีในนามจอห์น เลนนอน แห่งวงเดอะบีทเทิลส์ โดยตั้งวงกับ พอล แม็คคาร์ตนีย์ จอร์จ แฮร์ริสัน และ ริงโก สตารร์ เนื้อเพลงของเลนนอนจะมีลักษณะที่เต็มไปด้วยความหวัง สันติภาพ และความเจ็บปวด ซึ่งแสดงถึงลักษณะสังคมในช่วงนั้น และในช่วงหนึ่งเลนนอนได้ถูกจัดเข้ากับกลุ่มนักปฏิวัติเพื่อความสงบสุข
เลนอนเกิดที่เมืองลิเวอร์พูล ในปี พ.ศ. 2483 ได้แต่งงานครั้งแรกกับ ซินเทีย โพวเวลล์ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2505 โดยมีบุตรชายคนแรกชื่อ จอห์น ชาร์ลส จูเลียน เลนนอน (John Charles Julian Lennon) และแต่งงานครั้งที่สองกับนักร้องชาวญี่ปุ่น โยโกะ โอโน่(Yoko Ono) เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2512 โดยมีลูกชายชื่อ ฌอน เลนนอนหรือ ฌอน ทาโร โอโน่ เลนนอน (Sean Taro Ono Lennon)
เลนนอนถูกฆาตกรรมในนครนิวยอร์ก,สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2523
 
 ซอร์ เจมส์ พอล แม็กคาร์ตนีย์ (อังกฤษ: Sir James Paul McCartney) เกิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1942 เป็นนักร้องเพลงร็อกชาวอังกฤษ มือกีตาร์เบส นักประพันธ์เพลง โปรดิวเซอร์เพลง ผู้สร้างภาพยนตร์ นักลงทุน นักกิจกรรมต่อสู้ด้านสิทธิสัตว์ นักมังสวิรัติ เขามีชื่อเสียงอย่างมากในการเป็นสมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์ ร่วมกับ จอห์น เลนนอน ,จอร์จ แฮร์ริสัน และ ริงโก สตาร์
เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงานที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ บิดาเป็นนักทรัมเป็ตและเปียโนในวงแจ๊สซึ่งสนับสนุนการเล่นดนตรีมาแต่เล็ก โดยเล่นทูบา เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกต่อมาเปลี่ยนเป็นทรัมเป็ต ต่อมาในยุคความนิยมดนตรีสกิฟเฟิล (Skiffle) พอลจึงหันมาเล่นกีตาร์ จนในยุคที่ร็อกแอนด์โรลโด่งดัง เพื่อนของเขา จอห์น เลนนอนจึงชวนมาตั้งวงที่ชื่อ "แควร์รี่ เมน" (Quarry Men) ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ เดอะบีทเทิลส์ จนโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเขาและจอห์นก็ร่วมแต่งเพลงฮิตมากมายหลายเพลง เช่น Lady Madonna, Here Today, Wanderlust , Yesterday จนในปี 1970 วงเดอะบีทเทิลส์ก็แตกวงไป พอแยกมาทำอัลบั้มร่วมกับภรรยา ลินดา แม็กคาร์ตนีย์ ในชื่อ "วิงส์" (Wings)
พอลได้รับการจดบันทึกในกินเนสบุ๊กว่า เป็นนักดนตรีและนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรีป๊อป เขาได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ 60 ครั้ง ขายได้กว่า 100 ล้านซิงเกิล และเพลง Yesterday ที่เขาร่วมแต่งกับจอห์นก็เป็นเพลงที่ถูกนำมาคัฟเวอร์มากที่สุดในโลก ถูกแพร่ภาพและเสียงในอเมริกากว่าเจ็ดล้านครั้ง 
เขาได้รับตำแหน่ง "เซอร์" จากสมเด็จพระราชินีอังกฤษเมื่อปี 11 มีนาคม ค.ศ. 1997 


จอร์จ แฮร์ริสัน (อังกฤษ: George Harrison)[1] MBE (25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1943 – 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 2001)[2] เป็นมือกีตาร์ชาวอังกฤษ นักร้อง-นักแต่งเพลง ผู้สร้างภาพยนตร์ เขาประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติจากการเป็นมือกีตาร์ลีดให้กับวงเดอะบีทเทิลส์ และยังมีชื่ออยู่อันดับ 21 ของการจัดอันดับในนิตยสารโรลลิงสโตนในหัวข้อ "100 นักกีตาร์ที่เยี่ยมที่สุดตลอดกาล"[3][4] มักถูกพูดถึงว่าเป็น "บีทเทิลที่เงียบขรึม" (the quiet Beatle)[3] แฮร์ริสันเชื่อเรื่องเวทมนตร์อินเดีย และยังทำให้ฐานคนฟังของเดอะบีทเทิลส์กว้างขึ้นเช่นเดียวกับกลุ่มผู้ฟังตะวันตก[5] หลังจากที่วงแตกไป เขาประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยวและต่อมาก็อยู่ในวง แทรเวลลิงวิลบูรีส์ และยังเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์และเพลงอีกด้วย
ถึงแม้ว่าเพลงโดยมากของเดอะบีทเทิลส์จะแต่งโดยเลนนอนและแม็กคาร์ตนีย์ แฮร์ริสันก็ยังแต่งเพลง 1 หรือ 2 เพลงต่ออัลบั้มตั้งแต่ชุด Help! เป็นต้นมา ผลงานเขาที่ร่วมกับเดอะบีทเทิลส์เช่นเพลง "Here Comes the Sun", "Something", "I Me Mine" และ "While My Guitar Gently Weeps" หลังจากวงแตกไป แฮร์ริสันก็ยังเขียนเพลง ออกผลงานทริปเปิลอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่าง All Things Must Pass ในปี 1970 ที่มี 2 ซิงเกิ้ลและ ดับเบิลเอ-ไซด์ซิงเกิล: "My Sweet Lord" กับ Isn't It a Pity" นอกจากนี้ในงานเดี่ยว แฮร์ริสันยังร่วมเขียนเพลงฮิต 2 เพลงให้กับริงโก สตารร์ อดีตสมาชิกวงเดอะบีทเทิลส์อีกคน และเพลงในวงแทรเวลลิงวิลบูรีส์ วงซูเปอร์กรุ๊ป ที่ฟอร์มวงในปี 1988 ร่วมกับบ็อบ ดีแลนทอม เพตตีเจฟฟ์ ลีนน์ และรอย ออร์บิสัน
แฮร์ริสัน ได้รับวัฒนธรรมอินเดียและฮินดู ในช่วงทศวรรษ 1960 และช่วยให้ความรู้กับคนตะวันตกด้วยเพลงซิตาร์ และกลุ่มเคลื่อนไหวฮาเร กฤษณะ เขาร่วมกับระวี ชังการ์ จัดคอนเสิร์ตการกุศลในปี 1971 ที่ชื่อConcert for Bangladesh และเขาถือเป็นคนเดียวในเดอะบีทเทิลส์ที่พิมพ์อัตชีวประวัติ ขึ้นที่ชื่อ I Me Mine ในปี 1980
นอกจากการเป็นนักดนตรีแล้ว เขายังเป็นโปรดิวเซอร์เพลง และร่วมก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ที่ชื่อ แฮนด์เมดฟิล์มส งานของเขาในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์ เขาร่วมงานกับผู้คนหลากหลายอย่าง มาดอนน่า และสมาชิกของกลุ่มมอนตี้ ไพธอน[7] ด้านชีวิตส่วนตัวเขาแต่งงาน 2 ครั้ง ครั้งแรกกับนางแบบ แพตตี บอยด์ ในปี 1966 และเลขาบริษัทค่ายเพลงที่ชื่อ โอลิเวีย ทรินิแดด อาเรียส ในปี 1978 ที่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อ ดานี แฮร์ริสัน เขายังเป็นเพื่อนสนิทกับอีริก แคลปตัน และอีริก ไอเดิล เขาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปอดเมื่อปี 2001

ริชาร์ด สตาร์คีย์ (อังกฤษ: Richard Starkey) MBE เกิดเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 หรือมีชื่อที่เป็นที่รู้จักคือ ริงโก สตาร์ (อังกฤษ: Ringo Starr) เป็นนักดนตรี นักร้อง-นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอังกฤษ เป็นที่รู้จักที่สุดในฐานะมือกลองวงเดอะบีทเทิลส์ สตาร์เป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาร่วมวงเดอะบีทเทิลส์ แทนที่ พีต เบสต์ เขาเป็นสมาชิกที่แก่ที่สุดอันดับสองของวง ถัดจากสจ๊วต ซัตคลิฟฟ์
สตาร์เป็นมือกลองใหักับวงเดอะบีทเทิลส์ แต่ก็ประสบความสำเร็จในการเป็นนักแต่งเพลงให้กับวง อย่างเช่น "Don't Pass Me By" และ "Octopus's Garden" และยังได้ร้องนำในเพลงอย่างเช่น "Yellow Submarine", "With a Little Help from My Friends", "What Goes On", "I Wanna Be Your Man", "Boys", "Act Naturally", "Honey Don't", and "Good Night" รวมถึงประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว กับเพลงดังอย่าง "It Don't Come Easy", "Photograph" และ "You're Sixteen" นอกจากนี้สตาร์ยังร่วมแสดงในรายการ Thomas and Friends ระหว่างปี 1984 -1986

60’S :สี่เต่าทอง




และในยุค 1960 ก็ได้เกิดวงที่ถือได้ว่าทำให้คนทั่วโลก รู้จักดนตรี ร็อกแอนด์โรล นั้นก็คือวง The Beatles

เดอะบีตเทิลส์ (อังกฤษ: The Beatles) หรือวงสี่เต่าทอง เป็นวงร็อกแอนด์โรลจากเมืองลิเวอร์พูลในยุค 1960 เป็นหนึ่งในกลุ่มนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดและมีบทบาทอันโดดเด่นอย่างมากในประวัติศาสตร์ดนตรีป๊อป สมาชิกของวงนับจากปี ค.ศ. 1962 ประกอบด้วย จอห์น เลนนอน (ริทึมกีตาร์, ร้องนำ), พอล แม็กคาร์ตนีย์ (เบสกีตาร์, ร้องนำ),จอร์จ แฮรริสัน (ลีดกีตาร์, ร้องนำ) และ ริงโก สตารร์ (กลอง, ร้องนำ) แม้ในตอนเริ่มต้นแนวดนตรีจะเป็นแบบสกิฟเฟิลและร็อกแอนด์โรล แต่ในเวลาต่อมาแนวเพลงก็หลากหลาย นับแต่โฟล์คร็อกไปจนถึงไซเคเดลิคป๊อป บางครั้งก็ผสมแนวดนตรีคลาสสิกหรือเครื่องดนตรีแบบอื่นๆ ที่แปลกแหวกแนว
เดอะบีตเทิลส์ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในช่วงปี 1963-1969 เป็นวงที่ถือสถิติเพลงอันดับ 1 มากที่สุดทั้งในอังกฤษและอเมริกา (ในอังกฤษ 17 ซิงเกิ้ล ในอเมริกา 20 ซิงเกิ้ล) ส่วนอัลบั้ม วงเดอะบีตเทิลส์ ถือเป็นวงดนตรีที่ขายดีที่สุดในโลก คือขายไปมากกว่า 480,000,000 ก๊อบปี้ แล้ว ราว 166 ล้าน เป็นยอดขายเฉพาะในอเมริกา
ในยุคต้นของพวกเขา มีเพลงดังอย่าง She Loves You, Twist And Shout, I Want To Hold Your Hand, Please Please Me ในยุคที่ 2 ในชุด Help, Rubber Soul หรือ Revolver และผลงานอยู่ในช่วงพีคสุดอย่าง Sgt.Pepper Lonely Heart Club Band, Magical Mystery Tour และ White Album ก่อนที่จะจบลงด้วย 2 อัลบั้มสุดท้ายอย่าง Let It Be และ Abbey Road
บุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายหรือสารเคมีที่ทำให้ผลงานอันยอดเยี่ยมที่กล่าวมานี้สมบูรณ์แบบเป็นอมตะ ต้องยกให้กับโปรดิวเซอร์ของวงอย่าง จอร์จ มาร์ติน ผู้ที่อยู่เคียงข้างเหล่าสี่เต่าทองตั้งแต่เริ่มเรียนรู้วิธีการเขียนเพลงและการทำงานให้ห้องบันทึกเสียง จนสมาชิกในวงกลายเป็นนักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่ของโลกกันหมด





วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

Rock and Roll



               ร็อกแอนด์โรล (อังกฤษ: Rock and roll หรือ rock 'n' roll) คือแนวเพลงประเภทหนึ่งที่ได้พัฒนาในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ช่วงปลายยุค 40s จนมาได้รับความนิยมในต้นยุค 50s และได้แพร่ขยายความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันเราจะเรียกกันสั้นๆว่า "ร็อก" ส่วนเรื่องจังหวะจะเป็นจังหวะ บูกี้ วูกี้ บลูส์ โดยจะทำให้เด๋นโดยจังหวะแบ็ค บีท (Back Beat) ซึ่งต่อมาจะใช้กลองสแนร์ ดนตรีร็อกแอนด์โรลช่วงแรกจะเล่นโดยกีตาร์ไฟฟ้า หนึ่งหรือสองตัว (1 ลีด ,1 ริทึม),กีตาร์เบส (หรือดับเบิ้ลเบส),ชุดกลอง ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นส่วนเสริมร็อกแอนด์โรลในช่วงต้นยุค 50s มักจะใช้แซกโซโฟนนำดนตรี ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นกีตาร์ช่วงกลางยุค 50s เปียโนก็ถูกใช้เป็นส่วนสำคัญในดนตรีร็อกแอนด์โรลช่วงกลางยุค 40sความได้รับความนิยมในดนตรีร็อกแอนด์โรลเป็นอย่างมากได้แพร่กระจายสู่สังคม นอกจากทางด้านดนตรีแล้ว ยังมีผลต่อแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ภาษา ศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างมากคือ เอลวิส เพรสลีย์ ที่สร้างภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ในรูปแบบของร็อกแอนด์โรลร็อกแอนด์โรล ได้ผสมผสาน เอาดนตรีของคนผิวขาวกับผิวดำเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นดนตรีแนวใหม่ที่มีจังหวะที่รุนแรงกว่าเดิม ทั้งเสียงกีตาร์ที่ดัง กลองที่รัวและเร็ว วัฒนธรรมดนตรีแบบร็อกแอนด์โรล ได้มีผลต่อวัยรุ่นในยุคนั้น ทั้งภาษาและการพูดจา ที่โจ่งแจ้ง แสดงอารมณ์อย่างชัดเจน การแต่งกายและทรงผมแปลก ๆ การเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง ฯลฯ ที่ถือว่าเป็น การแสดง ถึงตัวตน (Identity) ของตนเองออกมา ภาษากายต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นแนวทางที่ขัดกับ สิ่งที่ผู้ใหญ่ในสมัยนั้น เห็นว่าดีงาม และถูกต้องทั้งสิ้น ในยุคนั้น ร็อกแอนด์โรลจึงถูกประฌามว่าเป็น ดนตรีของปีศาจ เนื่องจากความใหม่และแหวกแนวอย่างมาก


           ในช่วงทศวรรษที่ 50 เพราะขณะที่ศิลปินร็อกแอนด์โรลระดับที่เป็นตำนาน ทยอยกันสร้างชื่อ และผลงานของตนเองไว้ที่อเมริกา ไม่ว่าจะเป็น บิล ฮาลีย์ (Bill Haley) ที่มีเพลงฮิตที่รู้จักกันทั่วโลกคือ Rock around the clock (1954), ชัค เบอร์รี (Chuck Berry) ผลงานที่โด่งดัง คือเพลง Meybelline (1955), ลิตเติล ริชาร์ด (Little Richard) เพลง Long tall Sally หรือ Rip it up (1956) ที่มียอดขายเกินหลักล้าน, เจอร์รี ลี ลีวิส (Jerry Lee Lewis) กับเพลงที่ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำ Whole latta shakin' goin' on (1957), เอลวิส เพรสลีย์ที่มีเพลงฮิตติดอันดับนับไม่ถ้วนตั้งแต่ 1956 ถึง 1958 เช่น Love me tender (1956) Loving you (1957) Jailhouse rock (1957) และ King carole (1958) หรือ บัดดี ฮอลลี (Buddy Holly) ผลงานที่ฮิตที่สุด Peggy Sue (1957)ในปี ค.ศ. 1951 อลัน ฟรีด (Alan Freed) ดีเจจากโอไฮโอ ได้ถูกยกเครดิตให้เป็นผู้คิดคำว่า ร็อกแอนด์โรลล์เป็นคนแรก

 

          Elvis 

       เอลวิส เพรสลีย์ (อังกฤษElvis Presley) มีชื่อจริงว่า เอลวิส แอรอน เพรสลีย์ (อังกฤษElvis Aaron Presley) (8 มกราคม ค.ศ. 1935 - 16 สิงหาคม ค.ศ. 1977) เป็นนักดนตรีและนักแสดงชาวอเมริกัน เขาถือเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม ทั้งเป็นที่รู้จักในชื่ออย่างเดียวว่า เอลวิส เขามักได้รู้จักในฉายา “ราชาแห่งร็อกแอนด์โรลล์” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "เดอะคิง"